|
ลัดฟ้าเยือน'นาโกย่า' ท้าลองโตโยต้า'PRIUS'
คอลัมน์ รายงานพิเศษ
สันติ จิรพรพนิต
เพราะ กำลังจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 'พริอุส'(Prius) รถยนต์พลังไฮบริดลูกครึ่งน้ำมัน-ไฟฟ้า ทำให้บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จัดทริปพิเศษเชิญนักข่าวจากหลายสำนักกว่า 30 ชีวิตเหินฟ้าไปพิสูจน์สมรรถนะรถรุ่นนี้ที่บ้านเกิด
เป็นบ้านเกิดจริงๆ เพราะไปกันที่เมืองนาโกย่า ซึ่งมีชื่อเล่นที่เรียกกันคือ 'จังหวัดโตโยต้า' ประเทศญี่ปุ่น
ผมเป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่ข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปกับเขาด้วย
ทริปนี้มี 'คุณนิกร ประเสริฐสม' ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้าฯ และ 'คุณบุญชวน วิภูษณวนิช' ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์คนใหม่ นำคณะพร้อมกับทีมพีอาร์อีกหลายคน
ส่วนที่ญี่ปุ่นมีผู้บริหารอีกคณะตามมาสมทบกับเราคือ 'คุณฮิโรกิ โยโคฮาริ' ผู้ประสานงานบริหารอาวุโส และ 'คุณประภาวุฒิ นาควิเชตร' ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์
คณะของเราบินไปถึงเมืองนาโกย่าช่วงเช้า เข้าไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตากันใน 'ห้องอาบน้ำ'แบบชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ก่อนทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เพราะส่วนใหญ่แต่ละคนอยู่ในสภาพคิดถึงที่นอนกันทั้งนั้น
จากนั้นเดินทางเข้าพักที่โรงแรมแมริออต ตัวเมืองนาโกย่า ตกค่ำผู้บริหารโตโยต้า จัดเลี้ยงต้อนรับแบบเป็นกันเอง
วันที่รอคอยก็เดินทางมาถึง รถบัสพาคณะของเรามุ่งออกนอกเมืองไปยังสนามทดสอบ 'สปานิชิอุระ มอเตอร์พาร์ค' เพื่อสัมผัสกับพริอุสใหม่
ที่นี่ได้เจอกับผู้ทำคลอดพริอุสคือ 'คุณอากิฮิโกะ โอทซึกะ' หัวหน้าวิศวกร ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการออกแบบและพัฒนารถยนต์รุ่นนี้
พริอุสรุ่นนี้เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวมาพักใหญ่ๆ เป็นรถไฮบริดรุ่นที่ขายดิบขายดีเหลือเกินทั้งในญี่ปุ่นและตลาดโลก
ตลอดทริปของผมเจอรถรุ่นนี้สารพัดสีวิ่งพล่านไปทั่วถนนในแดนปลาดิบ
สอบถามได้ความว่า นอกจากเป็นรถที่มีสมรรถนะแจ่มแล้ว ทางการญี่ปุ่นยังใจป้ำสนับสนุนด้านภาษีและอื่นๆ ให้กับผู้ซื้ออีกถึงคันละประมาณ 2 แสนบาท
เรื่องของเรื่องเพราะต้องการให้ประชาชนใช้รถประหยัดพลังงาน และปล่อยมลพิษน้อยนั่นเอง
ที่สนามทดสอบแบ่งทีมสื่อมวลชนเป็น 2 ชุด สลับกันฟังบรรยายและทดสอบรถ
คุณอากิฮิโกะ ถือว่าเป็นวิศวกรหนุ่มอายุอานามไม่มากนัก แต่เห็นการออกแบบพริอุสใหม่แล้วต้องยกนิ้วโป้งให้ 2 นิ้วเลย
เพราะนอกจากความสวยหยดในแบบรถ 5 ประตูแล้ว ยังเก็บรายละเอียดทุกเม็ด แม้แต่ล้อยังติดตั้ง 'แก๊ป' ลักษณะคล้ายๆ ครีบ เพื่อดูดลมเข้าไประบายความร้อนให้ดิสก์เบรก และให้ลมไหลผ่านใต้ท้องรถเพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd)
ทำให้รถรุ่นนี้มีแรงเสียดทานเพียง 2.5 ทำให้ในช่วงเปิดตัวถือว่าเป็นรถที่มีแรงเสียดทานน้อยที่สุดในโลก ก่อนที่เบนซ์อีคลาสจะเปิดตัวด้วยรูปลักษณ์ใหม่ และลดค่าแรงเสียดทานเหลือ 2.4
เฉือนแค่ปลายจมูกเท่านั้น
การออกแบบตัวถังเน้นความลู่ลม ส่วนภายในขยายห้องโดยสารอย่างชาญฉลาดด้วยการขยับจุดศูนย์กลางของรถ ทำให้ที่นั่งด้านหลังกว้างมากขึ้น
สำหรับเครื่องยนต์ใช้แบบใหม่ความจุ 1.8 ลิตร พร้อมกับแบตเตอรี่ไฮบริดรุ่นล่าสุดด้วย
รถรุ่นนี้ใส่ความไฮเทคเข้ามาหลายอย่าง ตั้งแต่เรือนไมล์แบบดิจิตอล วางอยู่บริเวณกลางคอนโซลหน้า แถมโชว์อัตราความเร็วแบบตัวเลขขึ้นบริเวณกระจกหน้ารถยนต์ในยามขับขี่อีกด้วย
แต่ด้วยเป็นสเป๊กญี่ปุ่นจึงอาจจะมีบางส่วนที่แตกต่างจากของไทย จึงขอไม่ลงรายละเอียดทั้งหมด เพราะในฉบับหน้าเราจะมาเจาะลึกกันเต็มๆ หลังพริอุสเปิดตัวในเมืองไทยวันที่ 16 พ.ย.นี้
การทดสอบขับ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 2 รอบสนาม ใช้โหมดขับเคลื่อนครบเกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่ 'EV' หรือไฟฟ้าอย่างเดียว โหมด 'ECO' หรือประหยัด และโหมด 'POWER' แรงจัด
แต่จริงๆ แล้วยังมีอีกโหมดคือ 'STANDARD' แต่เราไม่ได้ทดสอบ เพราะทีมงานต้องการโชว์ความแรงและความประหยัดมากกว่า
แต่ละโหมดจะต่างกันที่อัตราเร่งในการเหยียบคันเร่ง โดยหากใช้น้ำหนักเท้าเท่ากันในการทำความเร็วตีนต้น-กลาง โหมด 'POWER' จะให้กำลังดีกว่า และ 'ECO' จะมาช้ากว่านิดๆ ส่วน 'STANDARD' ก็อยู่ตรงกลาง
จนเมื่อถึงความเร็วปลายทั้ง 3 โหมดจะทำได้เท่ากันที่ประมาณ 180 ก.ม./ชั่วโมง
การออกตัวครูฝึกซึ่งเป็นนักแข่งอาชีพให้ทดลองใช้โหมด 'EV' ในการออกตัวระยะสั้นๆ ถือว่าเงียบและนิ่มมากเพราะใช้แต่พลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ล้วนๆ
ก่อนที่จะปรับเป็นโหมดอื่นๆ ระหว่างทาง เพื่อให้สัมผัสความรู้สึกของทุกๆ โหมดการทำงาน
สนามนี้มีความยาวประมาณ 1.6 ก.ม. อัดแน่นไปด้วยโค้งตัวเอส โค้งหักศอก ขึ้นเนิน และทางตรงให้ทดลองอัตราเร่งแบบ 'เหยียบมิด'
ฟิลลิ่งในการขับถือว่ายอดเยี่ยมมาก พวงมาลัยให้น้ำหนักได้ดี ช่วงล่างรับกับโค้งหนักๆ ได้สบาย ส่วนระบบเบรกวางใจได้ไม่มีปัดไม่มีเป๋
เป็นความประทับใจมากๆ ในการทดสอบรอบนี้ เรียกว่าเป็นรถที่ทั้งสวย ไฮเทค และขับสนุกมากๆ รุ่นหนึ่ง
ยิ่งตอนที่นักขับมืออาชีพมาจับพวงมาลัยแล้วให้สื่อมวลชนนั่งเป็นผู้สังเกต การณ์ พวกเข้าโค้งตัวเอส หรือโค้งหักศอกด้วยความเร็วเป็นร้อย จนระบบการทรงตัวทำงาน แต่ไม่มีอาการวืดวาดให้รู้สึก
เห็นรูปร่างหน้าตาและสมรรถนะที่จัดมาเต็มๆ แบบนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโตโยต้าถึงนำมาเปิดตลาดในเมืองไทย และตั้งเป้าไว้ค่อนข้างสูง
เนื่องจากเป็นรถที่ประสบผลสำเร็จมาแล้วทั่วโลก
ที่สำคัญยังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกอีกด้วย โดยเราถือว่าเป็นประเทศที่ 2 ในโลกที่ผลิตรถพริอุส เจเนอเรชั่นที่ 3 ส่วนประเทศแรกก็บ้านเกิดของเขานั่นแหละ
สนนราคาที่เปิดมาตอนนี้คือประมาณ 1.25 ล้าน-1.3 ล้านต้นๆ
แลกกับรถที่มีสมรรถนะ แถมประหยัดและลดมลพิษอีกด้วย ถือว่าเป็นรถที่น่าใช้รุ่นหนึ่ง
ผ่ากล่องดวงใจรถไฮบริด
นอก จากการบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปทดสอบรถยนต์ 'โตโยต้า พริอุส' แล้ว ในทริปนี้เรายังได้ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตแบตเตอรี่ 'ไฮบริด' ซึ่งเป็นโรงงานใหญ่ระดับโลก ผลิตแบตเตอรี่ให้กับหลายค่ายรถ
แน่นอนว่าโตโยต้าคือลูกค้ารายใหญ่ของโรงงานนี้ และยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่ด้วย โดยจับมือกับบ.พานาโซนิค
'ไพรเมิร์ช เอนเนอจี' คือชื่อของโรงงานแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเมืองโคไซ จ.ชิสึโอกะ
'มาซาชิ โอทานิ' ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานกลางด้านการขายและการตลาด เป็นคนมาให้ข้อมูลและบอกเล่าเก้าสิบความเป็นมาเป็นไปของโรงงาน และการผลิตแบตเตอรี่
จากนั้นก็ถึงเวลาเข้าเยี่ยมชมขั้นตอนการผลิตแบตเตอรี่ไฮบริด
ทุกคนต้องสวมหมวก ใส่แว่นตา ใส่ผ้าปิดปาก ใส่เสื้อคลุม เปลี่ยนรองเท้า และต้องเดินผ่านอุโมงค์ลมทุกครั้งที่ผ่านเข้า-ออกในพื้นที่การผลิต เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นละอองที่อาจเล็ดลอดเข้ามา
เริ่มจากการผลิตแผ่นขั้วแบตเตอรี่ โดยนำนิกเกิลไฮดรอกไซด์มาทำเป็นแผ่นขั้วบวก และโซลิดเมทัลไฮดราย มาทำเป็นแผ่นขั้วลบ
จากนั้นตัดแผ่นขั้วแบตเตอรี่ออกเป็นขนาดเท่ากัน ประกบแผ่นขั้วบวกกับขั้วลบเข้าด้วยกัน เพื่อทำเป็นก้อนขั้ว (Stack) แล้วเชื่อมแผงต่อขั้วเข้ากับก้อนขั้ว โดยใช้อิเล็กทรอนิกส์บีม ที่สามารถควบคุมคุณภาพและกระบวนการผลิตได้อย่างครบถ้วน
จากนั้นพันด้วยเทปให้แน่น เพื่อที่จะทำเป็นเซลล์ของแบตเตอรี่
ประกอบเซลล์แบตเตอรี่ 6 เซลล์เข้าด้วยกัน ใส่ลงกล่องพลาสติก เติมน้ำยาแบตเตอรี่ จากนั้นใช้ความร้อนเพื่อเชื่อมฝาปิดและลิ้นเซฟตี้
ซึ่งกระบวนการเติมน้ำยาแบตเตอรี่นั้นจะทำการควบคุมน้ำหนักของน้ำยาที่จะใส่ในแต่ละเซลล์อย่างเข้มงวด
จากนั้นตรวจสอบการรั่วซึมและจุดเชื่อม ก่อนชาร์จไฟกระตุ้น เพื่อจะได้ออกมาเป็น 1 โมดูล แล้วนำมาประกอบกับอุปกรณ์ไฟฟ้าของแบตเตอรี่ เพื่อทำเป็นแพ็กแบตเตอรี่
สำหรับแพ็กแบตเตอรี่ของพริอุสนั้นจะมีโมดูลแบตเตอรี่ทั้งสิ้น 28 โมดูล โดยการต่อแบบอนุกรม 1 โมดูลจะมีแบตเตอรี่ 6 เซลล์ ดังนั้น แพ็กเบตเตอรี่ทั้งหมดจะมีเซลล์แบตเตอรี่ 168 เซลล์
ขั้นตอนกว่า 98% ใช้เครื่องจักรควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ จึงสามารถรักษาคุณภาพได้อย่างดี
แบตเตอรี่ของพริอุส เป็นรุ่นล่าสุดคือ 2.5 ต่อยอดมาจากแบตเตอรี่ของ 'คัมรี่ ไฮบริด'
แบตฯ แต่ละชุดมีอายุการใช้งานนับสิบปี เรียกว่าตั้งแต่พริอุสรุ่นแรกที่วางจำหน่าย แทบไม่มีปัญหาเกิดขึ้น
ยิ่งแบตฯ รุ่นล่าสุดเรียกว่าพัฒนาให้เหนือกว่ารุ่นแรกๆ จึงการันตีได้ว่าจะใช้ได้อย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตาม ทางโตโยต้าเข้าใจถึงความกังวลของลูกค้าเกี่ยวกับอายุการใช้งาน จึงเคลมราคาแบตฯ ไฮบริดอยู่ที่ไม่เกินชุดละ 1 แสนบาท
แต่ว่าก็ว่าเถอะด้วยพฤติกรรมการใช้รถของคนไทย ดูแล้วน่าจะเปลี่ยนรถคันใหม่ ก่อนที่จะเปลี่ยนแบตฯ ไฮบริดแน่ๆ
ที่มา : http://www.khaosod.co.th
|
